ประวัติความเป็นมาของฟอร์ด
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์เมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2446 ด้วยเงินสดจำนวนเพียง 28,000 เหรียญสหรัฐในกระเป๋า เฮนรี ฟอร์ดกับหุ้นส่วนทางธุรกิจอีก 11 รายได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้น พร้อมความหวังว่าจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต
แม้ว่าผู้ประกอบการเหล่านี้ต่างมองโลกในแง่ดีแต่พวกเขาแทบไม่ได้คาดคิดว่าวันหนึ่งบริษัทของพวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีความก้าวหน้าทางนวัตกรรมมากที่สุดของโลก อีกทั้งยังมีโรงงานผลิตที่ใหญ่โตในประเทศต่างๆมากมายนอกเหนือจากโรงงานแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมาหลายเหตุการณ์และมีส่วนร่วมกับพัฒนาการทางอุตสาหกรรมและทางสังคมมาตลอดศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา และปัจจุบัน บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ยังมีสมาชิกในครอบครัวฟอร์ดคนหนึ่งเป็นผู้บริหารอยู่ ฟอร์ดจึงไม่ได้เป็นเพียงเครือบริษัทขนาดใหญ่แต่ยังเป็นองค์กรซึ่งมีตัวตนและสัมผัสได้มากกว่านั้น
บริษัทต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่บ้างตั้งแต่ยุคเริ่มแรก แต่แล้วในเดือนกรกฎาคม ปี 2446 เพียง 1 เดือนหลังจากวันที่จัดตั้งบริษัท รถยนต์ฟอร์ดคันแรกก็ได้ถูกนำส่งให้แก่เจ้าของรายแรกซึ่งเป็นนายแพทย์ในดีทรอยท์ด้วยความภาคภูมิใจอย่างสูงของทางบริษัท
เฮนรี ฟอร์ด เป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความฉลาดหลักแหลม เขาไม่ได้ผลิตเพียงรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานจริงเท่านั้นแต่ยังเล็งเห็นความสำคัญของการผลิตรถยนต์ซึ่งผู้คนสามารถซื้อและเป็นเจ้าของได้จริงอีกด้วย เฮนรี ฟอร์ดได้พัฒนาระบบการผลิตใหม่ที่ปฏิวัติการผลิตทั้งกระบวนการและเปลี่ยนแปลงโลกอุตสาหกรรมไปโดยสิ้นเชิง เขาได้สร้างระบบการประกอบรถยนต์แนวใหม่ขึ้นมา โดยเทคนิคใหม่นี้ถูกนำไปใช้เป็นครั้งแรกที่โรงงาน ไฮแลนด์ ปาร์ค ในมลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ในปี 2456 โดยคนงานแต่ละคนจะประจำตำแหน่งการผลิตของตนสายการผลิตและปฏิบัติหน้าที่เดิมซ้ำไปเรื่อยๆกับชิ้นส่วนรถยนต์ที่ถูกส่งผ่านมาถึงหน้าตนบนสายพาน ระบบการประกอบรถยนต์นี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของบริษัทอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังสามารถประกอบรถได้เร็วจนผลผลิตสูงอย่างน่าทึ่งอีกด้วย
ใครๆก็เป็นเจ้าของฟอร์ดได้
เฮนรี ฟอร์ดเป็นผู้คิดค้นระบบใหม่การผลิตแนวใหม่ซึ่งยังคงใช้กันอยู่ในทุกวันนี้
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นการคิดค้นของฟอร์ด แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมเช่นกัน คือ การใช้ตัวอักษรพยัญชนะ 19 ตัวแรกมาตั้งชื่อรถยนตร์รุ่นใหม่ และ “Model T” ก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 2446 หลังจากนั้น 19 ปีและหลังจากที่ได้ผลิต Model T ไปแล้ว 15 ล้านคัน บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ก็เจริญเติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมซึ่งสยายปีกครอบคลุมไปทั่วโลก
ความก้าวหน้าของฟอร์ดยังไม่หยุดยั้งอยู่เพียงเท่านี้ ในปี 2468 บริษัทได้ขยายตลาดไปสู่รถยนต์ระดับหรูด้วยการเข้าซื้อบริษัท ลินคอล์น มอเตอร์ และในปี 2473 ก็มีการผุดอีกหนึ่งแผนกขึ้นมาเพื่อผลิตรถยนต์ราคาระดับกลาง นอกจากนี้บริษัทยังมีผู้บริหารระดับสูงที่บริหารบริษัทอย่างชาญฉลาดและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอทำให้บริษัทสามารถรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำในปี 2472 และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ไปได้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทได้พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยรัฐบาลทำสงครามและในยุคที่มีเด็กเกิดมากมายหลังสงคราม (Baby Boom) กิจการของฟอร์ดก็ยังคงรุ่งเรืองต่อไป และในปี 2493 ฟอร์ดก็ได้พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่ขึ้นคือ Thunderbird
เพื่อตอบสนองความต้องการและการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้ให้โอกาสกับคนทุกคนในการร่วมสร้างอนาคตด้วยกันด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2499
เฮนรี ฟอร์ด ที่สอง ได้เสริมสร้างฐานเพื่อการเติบโตของบริษัทต่อไปด้วยความเข้าใจแนวโน้มทางเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงทศวรรษที่ 50 เป็นอย่างดี จนนำไปสู่การขยายกิจการต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ 60 ต่อมาจึงได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อก่อตั้ง ฟอร์ด ออฟ ยุโรป (Ford of Europe) ในปี 2510 ก่อนมีการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Community) ขึ้นในอีก 20 ปีให้หลัง เฮนรี ฟอร์ด ที่สองเล็งเห็นถึงการพัฒนาในภาคพื้นทวีปอเมริกาเหนือจึงได้รวมการผลิตในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและเม็กซิโกเข้าด้วยกัน 20 ปี ก่อนการลงนามบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรี ทำให้ฟอร์ดสร้างประวัติศาสตร์การพัฒนาด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกลต่อไป
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 นี้ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เป็นเจ้าของแบรนด์รถยนต์ระดับแนวหน้าของโลก ได้แก่ ฟอร์ด ลินคอล์น เมอร์คิวรี(ซึ่งบริษัทได้ประกาศยุติการผลิตในไตรมาส 4 พ.ศ. 2553)
บริษัทยังคงไว้ซึ่งและขยายวิสัยทัศน์ของเฮนรี ฟอร์ดให้กว้างขวางออกไปด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของเจ้าของรถยนต์ในประเทศต่างๆทั่วโลก ปัจจุบันนี้ฟอร์ดเป็นผู้นำในการสร้างพาหนะยุคใหม่แบบไฮบริดซึ่งประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี และฟอร์ดจะยังคงพร้อมเสมอที่จะรับกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น